ภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd immunity) คืออะไร?

 “Herd immunity” กลายเป็นคำที่คุ้นหูของคนทั่วไปภายหลังจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้คำๆ นี้เป็นที่รู้จักกันได้นั้น ก็เนื่องมาจากในช่วงแรกที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้มีบุคลากรในแวดวงสาธารณสุข และผู้นำประเทศแถบตะวันตกหลายๆ ประเทศได้เสนอแนวคิดนี้ไว้ นั่นก็คือ การรอให้คนจำนวนมากๆ ติดโรค เพื่อที่จะได้เกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของกลุ่มคนนั่นเอง ดังนั้น ผมจึงอยากให้ทุกคนมาทำความเข้าใจคำว่า “Herd immunity” แบบเจาะลึกกันครับ

  • ความหมายของ “Herd immunity”

คำนี้มีการแปลเป็นภาษาไทยว่า “ภูมิคุ้มกันหมู่” หมายถึง ภูมิคุ้มกันของกลุ่มคนจำนวนมากในชุมชน หรือบางคนอาจใช้คำว่า “Community immunity” ก็ได้เช่นกัน ซึ่งภูมิคุ้มกัน (immunity) ในที่นี้หมายถึง ภูมิคุ้มกันต่อโรคติดเชื้อของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดเชื้อไวรัสที่ระบาดได้ง่าย เช่น หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้หวัดใหญ่ โรคโควิด-19 เป็นต้น โดยภูมิคุ้มกันหมู่ จะสามารถเกิดขึ้นได้ใน 2 ลักษณะด้วยกัน คือ

  1. ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เกิดจากการที่คนเราติดเชื้อโรค เช่น ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ โดยเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายได้สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคขึ้นมาเอง ทำให้หากได้รับเชื้อโรคชนิดนั้นในครั้งต่อไป ภูมิคุ้มกันก็จะทำลายเชื้อโรคชนิดนั้นได้เอง ทำให้ไม่เป็นโรคชนิดนั้นซ้ำอีก
  2. ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีน เกิดจากการรับวัคซีนที่สามารถใช้ป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อโรคชนิดนั้นๆ เช่น วัคซีนป้องกันหัด หรือไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งภายหลังจากร่างกายได้รับวัคซีนจนมีภูมิคุ้มกันแล้ว เมื่อเกิดการติดเชื้อก็จะไม่ทำให้เป็นโรคชนิดนั้นๆ

ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคด้วยหลักของภูมิคุ้มกันหมู่นั้น จำเป็นต้องทำให้คนส่วนใหญ่ในชุมชนราวๆ ร้อยละ 80 ขึ้นไปเกิดภูมิคุ้มกัน โดยอาจใช้วิธีทางธรรมชาติ คือ ปล่อยให้คนหมู่มากเกิดการติดเชื้อกัน หรือด้วยวิธีการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันในคนที่ยังปกติดี ให้ได้รับวัคซีนกันเกือบครบจำนวนคน หรืออาจใช้ทั้ง 2 วิธีรวมกันก็ได้

  • อ้างอิงกรณีศึกษาโรคหัด

ในยุคสมัยที่ยังไม่มีการผลิตวัคซีนโรคหัดใช้กันนั้น พบว่า ในทุกๆ 2-3 ปี จะมีการระบาดของโรคหัด ซึ่งบางคนอาจเกิดความสงสัยว่าทำไมจึงไม่แพร่ระบาดทุกๆ ปี คำตอบ คือ มันมีเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันหมู่ นั่นเอง

โรคหัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Measles virus ซึ่งติดต่อทางระบบทางเดินหายใจได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็วยิ่งกว่าไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ มักพบการแพร่ระบาดในเด็กเล็กเป็นส่วนใหญ่ โดยทำให้เกิดอาการไข้สูง และมีผื่นแดงตามร่างกาย ซึ่งโรคนี้นับเป็นภัยร้ายที่คนโบราณในอดีตจะรู้จักกันดี เพราะการแพร่ระบาดในแต่ละครั้งจะทำให้เด็กๆ ที่มีสุขภาพที่อ่อนแอเสียชีวิตได้จากภาวะโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ และสมองอักเสบ แต่สำหรับเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงมักเป็นแล้วหายเอง แถมยังมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ตลอดไปอีกด้วย ซึ่งแม้ว่าเชื้อหัดจะยังคงมีอยู่ในชุมชน แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดโรคนี้ซ้ำในเด็กกลุ่มเดิมได้อีก เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้ว ดังนั้น โรคนี้จึงรอจนกว่าที่จะมีเด็กๆ เกิดขึ้นมาใหม่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นเด็กที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคหัด แล้วมันจึงจะกลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง

  • โรคโควิด-19 กับภูมิคุ้มกันหมู่

ในช่วงแรกของการระบาด ผู้นำของหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศทางแถบตะวันตก ได้มองว่าโรคโควิด-19 เป็นเพียงโรคที่มีลักษณะคล้ายๆ โรคไข้หวัด คือ มีอาการเพียงเล็กน้อย และสามารถหายได้เอง จึงไม่ได้ออกมาตรการเข้มงวดในการป้องกัน ปล่อยให้มีการติดเชื้อขึ้นในชุมชน เพราะเชื่อว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติในแบบเดียวกันกับโรคหัดที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ เช่นในอดีต ที่สามารถหยุดการแพร่ระบาดไปได้เอง แต่ในความเป็นจริง ถึงแม้คนส่วนใหญ่ที่มีอายุน้อยเมื่อป่วยแล้วอาจจะหายได้เอง แต่ในกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถ้าหากติดเชื้อแล้ว จะเกิดอาการรุนแรงจนอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

เรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ได้อย่างดี ถึงการขาดความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคที่อุบัติใหม่ รวมถึงการยึดติดกับประสบการณ์ หรือแนวทางการรักษาโรคในแบบเก่าๆ จนกลายเป็นผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง และยาวนานอย่างเช่นทุกวันนี้ ซึ่งนอกเหนือจากการออกมาตรการเข้มในการป้องกันโรคของแต่ละประเทศแล้ว ทุกประเทศก็เลิกที่จะฝากความหวังไว้กับภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติแล้วเช่นกัน โดยหันกลับมาเร่งจัดหาวัคซีนโควิด-19 มาฉีดให้กับคนภายในประเทศ เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่เกิดจากวัคซีนให้ได้มาก และเร็วที่สุด เพื่อเป็นการควบคุมโรคนี้ให้อยู่หมัดในเร็ววันครับ

ข้อมูลอ้างอิง

  1. บทความเรื่อง “ภูมิคุมกันหมู่ (Herd immunity)”

https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=2339

  • บทความเรื่อง “ไวรัสโคโรนา : “ภูมิคุ้มกันหมู่” คืออะไร เหตุใดนักวิทยาศาสตร์พากันคัดค้านไม่ให้ใช้ต้านโควิด-19”

https://www.bbc.com/thai/51911994

  • บทความเรื่อง “สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19”

https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/

  • บทความเรื่อง “รู้จักภูมิคุ้มกันหมู่ ความหวังทำให้โควิด-19 อยู่ในสถานะไข้หวัดธรรมดา” bit.ly/3rNNFBs

เชิญแสดงความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.